ความรุงรังของชาวคณะอาเซียน หรือชาติในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ หลังจากประกาศกันว่า จะร่วมมือร่วมใจร่วมหัวจมท้ายรวบหัวรวบหางรวบกลางระหว่างตัว
ในการเป็นเจ้าภาพร่วมฟุตบอลโลกของภูมิภาคนี้
ท้าวความกลับไปเมื่อปี 2019 ครั้งครานั้น 10 ประเทศอาเซียน “เคยเห็นด้วย” ในการประชุมให้เสนอตัวเป็นเจ้าภาพฟุตบอลโลก 2034 โดยมี ประเทศไทย เป็นแกนนำ
จะจัดขึ้นใน 4-5 ประเทศ นั่นคือ ไทย อินโดนีเซีย มาเลเซีย สิงคโปร์ และ เวียดนาม เป็นอาทิ ขณะที่ประเทศอื่นจะมีบทบาทในการสนับสนุนอย่างเต็มตัว
เหตุการณ์ผ่านมาถึง ค.ศ.ปัจจุบัน ความหมายเปลี่ยนไปแบบ “มีนัยยะ” ในเดือนนี้
หลังจากวันที่ 21 กันยายนที่ผ่านมา นายกรัฐมนตรีของไทย นายเศรษฐา ทวีสิน ได้เดินทางไปร่วมประชุม UNGA78 ที่ประเทศสหรัฐอเมริกา พร้อมกับได้เจอ จานนี่ อินฟานติโน่ ประธานสหพันธ์ฟุตบอลนานาชาติ หรือ ฟีฟ่า
มีข่าวว่า ได้มีการพูดคุยกันถึงแนวทางในความร่วมมือกันของไทยและชาติอาเซียนในการจัดบอลโลก ซึ่งแนวทางเดียวกับที่เคยเกิดขึ้นในปี 2019
โดยมีกระดูกชิ้้นสำคัญอย่าง ซาอุดีอาระเบีย ขวางอยู่ตรงหน้า เพราะ ซาอุฯ เองก็ “หลบให้” การจัดการแข่งขันฟุตบอลโลก ฉลองครบ 100 ปี ไปอยู่ที่ อุรุกวัย ก่อนจะไปจบลงที่ 6 ชาติ 3 ทวีปอย่างที่เราท่านทราบไปแล้ว
ประเด็นคือ ยังไม่ทันไปไหน เมื่อวันที่ 5 ตุลาคมที่ผ่านมา เจ้าชาย อับดูลาซิซ บิน ตูร์กี อัล ไฟซาล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกีฬาของประเทศซาอุดีอาระเบีย ทรงตรัสว่าประเทศของพระองค์มีความประสงค์ที่จะเป็นเจ้าภาพ ฟุตบอลโลก 2034
ไม่ถึง 24 ชั่วโมงต่อมา สมาคมฟุตบอลแห่งมาเลเซีย (FAM) ออกแถลงการณ์สนับสนุนซาอุฯ ยื่นเป็นเจ้าภาพฟุตบอลโลก 2034(ไปซะฉิบ) พร้อมกับ ติมอร์ เลสเต และ สปป.ลาว ก็ออกแถลงการณ์ตามน้ำทันที
ดาโต๊ะ ฮามิดิน อามิน ประธานฟุตบอลมาเลเซีย กล่าวว่า เราสนับสนุนซาอุดิอาระเบียในฐานะอีกหนึ่งประเทศในเอเชียที่สามารถเป็นเจ้าภาพฟุตบอลโลกหลังจากเกาหลีใต้และญี่ปุ่นในปี 2002 และกาตาร์ปี 2022
“ฟุตบอลโลกที่จัดขึ้นในเกาหลีใต้ ญี่ปุ่น และกาตาร์เป็นที่น่าทึ่งมาก ทำให้เรามั่นใจว่าซาอุดิอาระเบียสามารถเป็นเจ้าภาพทัวร์นาเมนต์เดียวกันได้”
มาเลเซีย เคยเป็นแกนนำของชาติในอาเซียน ก่อนจะศึกษาความเป็นไปได้ในการจัดการแข่งขันฟุตบอลโลก แล้ว มาเลเซีย ได้ถอนตัวออกไป
จนถึงวันที่ 11 ตุลาคมที่ผ่านมา เอริค โธเฮียร์ ประธานสมาคมฟุตบอลอินโดนีเซีย ทุบโต๊ะเปรี้ยงปร้าง ประกาศลั่นว่า แผนของเขาคือ กำลังหารือกับ ออสเตรเลีย เพื่อจะเสนอตัวขอเป็นเจ้าภาพ ฟุตบอลโลก 2034 ร่วมกับ มาเลเซีย และ สิงคโปร์ แม้จะต้องแข่งกับ ซาอุดีอาระเบีย ก็ตาม
15 ตุลาคมที่ผ่านมา มีกระแสกระพือกันอีกรอบว่า ชาติอาเซียน พร้อมจะหันหน้ากลับมาคุยกันอีกทีในการจัดแบบ “อาเซียนล้วน” ไม่มีอะไรมาผสม
เพราะจะมีการรวมตัวพบกันของผู้นำย่านนี้ในการประชุมสุดยอดอาเซียน-คณะมนตรีความร่วมมือรัฐอ่าวอาหรับ (ASEAN-GCC Summit) ประกอบไปด้วย บาห์เรน คูเวต โอมาน กาตาร์ ซาอุดีอาระเบีย สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ ณ กรุงริยาด ราชอาณาจักรซาอุดีอาระเบีย ตั้งแต่วันนี้ไปจนถึง 21 ตุลาคม 2023
เมื่อหันไปมองว่า ประชุมที่ไหน คำตอบคือ ซาอุฯ และผู้นำจะเข้าพบ เจ้าชายมูฮัมหมัด บิน ซัลมาน บิน อับดุลอะซีซ อาล ซะอูด มกุฎราชกุมารและนายกรัฐมนตรีแห่งราชอาณาจักรซาอุดีอาระเบีย รวมหารือกับภาคเอกชนอีกด้วย
กลายเป็นว่าก่อนการประชุมจะเริ่มต้นขึ้น อินโดนีเซีย ได้ “พลิกลิ้น” ครั้งสำคัญ จากการยืนยันด้วยสำนักข่าวมากมาย อาทิ รอยเตอร์, เอพี
Saudi Arabia’s 2034 World Cup bid boosted by Indonesia changing sides after Australia co-host talks(AP)
Indonesia backs Saudi Arabia’s bid for 2034 World Cup (Reuters)….นั่นแหล่ะ
เอริค โธเฮียร์ กล่าวว่า อินโดนีเซีย จะสนับสนุนให้ ซาอุดีอาระเบีย เป็นเจ้าภาพฟุตบอลโลกปี 2034!!!!!
เพียงหนึ่งสัปดาห์หลังจากการแสดงท่าทีอันแข็งกร้าวที่จะเป็นเจ้าภาพจัดแบบ “ผ่าทะลุภูมิภาค” อาเซียน ทะลุไปกินปลาเจี๋ยนแดนดินโอเชียเนีย
โธเฮียร์…..โถโถโถเฮีย!!!!!
เอวังก็ด้วยประการฉะนี้เอง!!!!!
ฟีฟ่ามาจัดประชุม ฟีฟ่า คองเกรส ที่มีชาติสมาชิกจากทั่วโลก 211 ประเทศเข้าร่วมประชุมช่วงเดือนพ.ค.ปี 2024 ที่ประเทศไทย
แต่กำหนดเส้นตายเป็นเจ้าภาพ 2034 คือวันที่ 31 ตุลาคมนี้!!!!
น่าจะจบอย่างนี้แหล่ะครับ ฝันของอาเซียน
