Home Style ปล้น“ลิซ่า“!!! #บางโพงพางการเขียน
Style

ปล้น“ลิซ่า“!!! #บางโพงพางการเขียน

วันนี้เมื่อเวลา 7.00 น. ชายคนหนึ่งชื่อ วินเซนโซ เปรูจา เดินเข้าไปในพิพิธภัณฑ์ลูฟร์ กรุงปารีส ประเทศฝรั่งเศส

จากนั้นในช่วงบ่าย เปรูจา ได้ออกไปพร้อมกับสิ่งของบางอย่างที่ห่อไว้ในเสื้อและแขนประคองออกมา

นั่นก็คือ ภาพวาด ‘โมนาลิซ่า’!!!!!!!

ภาพได้หายไปจากลูฟร์ ในวันนี้เมื่อ 113 ปีที่แล้ว พร้อมกับเปลี่ยนแปลงทุกสิ่งอย่างไปตลอดกาล…….

……ภาพนี้เกิดจากฝีมือของ เลโอนาร์โด ดา วินชี่ ศิลปินเอกของโลกที่เกิดเมื่อปี ค.ศ. 1452 และในช่วงปี ค.ศ. 1480 เขาก็ได้สร้างชื่อเสียงในเมืองฟลอเรนซ์ ประเทศอิตาลี

ในฐานะศิลปินผู้มีอัจฉริยะภาพ

……ในปี ค.ศ. 1503 ดา วินชี่ ได้รับมอบหมายจากพ่อค้าไหมชื่อ “ฟรานเชสโก เดล จิโอคอนโด” ให้วาดภาพภริยาของเขา เพื่อเฉลิมฉลองการย้ายเข้าบ้านหลังใหม่

เธอชื่อ “ลิซา เกอราดินี”

แต่ เลโอนาร์โด ออกจากฟลอเรนซ์ในปี ค.ศ. 1508 และไม่เคยวาดภาพนี้เสร็จสมบูรณ์ และนำภาพนี้ติดตัวไปด้วย ดังนั้นภาพวาดที่โด่งดังที่สุดในโลกนี้

จึงไม่เคยได้รับการยืนยันว่า วาดเสร็จแต่อย่างใด!!!

มีการอธิบายชื่อภาษาอิตาลีของเธอได้ว่าเป็น “Gioconda” ซึ่งเป็นการเล่นคำกับชื่อของเธอที่แปลว่า “มีความสุข”

ในปี ค.ศ. 1516 พระเจ้าฟรองซัว ที่ 1 แห่งฝรั่งเศส ซึ่งชื่นชอบผลงานของเลโอนาร์โด ดา วินชี่ เป็นอย่างยิ่ง ได้เชิญเขาไปฝรั่งเศสและเสนอที่จะซื้อผลงานของเขา

เลโอนาร์โด จึงไปที่นั่น โดยนำภาพ ลิซ่า ไปด้วย และได้ไปอยู่คฤหาสน์ชื่อโคลลูเซ

เลโอนาร์โด ดา วินชี่ อยู่ที่นั่นจนกระทั่งเสียชีวิตในปี ค.ศ. 1519

ไม่มีข้อมูบชัดเจนว่า พระเจ้าฟรองซัว ที่ 1 ซื้อภาพ โมนาลิซ่า หรือว่าเป็นของขวัญที่ ดา วินชี่ ทูลเกล้าถวายแด่พระองค์

โมนาลิซ่า ถูกแขวนไว้ภายใน ‘พระราชวังฟงแตนโบล’ ซึ่งเป็นที่ประทับฤดูร้อนของกษัตริย์ฝรั่งเศส และมีการทาเคลือบเงาเพื่อปกป้องไว้

ภาพของโมนาลิซ่าจึงออกสีเหลืองอ่อน

จากนั้นเมื่อพระเจ้าหลุยส์ที่ 14 สร้างพระราชวังแวร์ซาย ในศตวรรษที่ 17 พระองค์ ก็ทรงย้ายของทั้งหมดไปที่นั่น

ปี 1793 หลังการปฏิวัติฝรั่งเศส พิพิธภัณฑ์ลูฟร์ ซึ่งเคยเป็นพระราชวัง ได้รับการแปลงเป็นพิพิธภัณฑ์สาธารณะเพื่อจัดแสดงสมบัติทางศิลปะของฝรั่งเศส

ดังนั้นในปี 1797 โมนาลิซ่าจึงถูกนำมาจากแวร์ซาย และนำไปวางไว้ที่นั่นแทน

แต่ในปี 1800 ‘นโปเลียน’ ก็ให้แขวนโมนาลิซ่า ไว้ในห้องนอนของเขา

1804 โมนาลิซ่า ถูกส่งคืนสู่พิพิธภัณฑ์ลูฟร์ และนำไปจัดแสดงในหอศิลป์ใหญ่

ในไม่ช้าก็ได้รับการยกย่องให้เป็นผลงานชิ้นเอก แต่ โมนาลิซ่า ไม่ได้เป็นที่นิยมในหมู่สาธารณชนมากนัก และไม่ได้เป็นที่รู้จักเท่ากับภาพวาดอื่นๆ

กระทั่งปฏิบัติการของ เปรูจา…..

เขาเป็นชาวอิตาลีที่เดินทางมาถึงปารีสในปี 1907 เพื่อหางานทำ

ในปี 1908 เขาได้รับงานที่พิพิธภัณฑ์ลูฟร์ โดยช่วยทำความสะอาดภาพวาดและสร้างกรอบใหม่ให้กับภาพวาดเหล่านั้น

ในขณะที่ทำงานที่พิพิธภัณฑ์ลูฟร์ เขาได้เรียนรู้ว่า ‘นโปเลียน’ ได้ขโมยงานศิลปะจากอิตาลี ไปเป็นจำนวนเท่าใด

เขาจึงคิดนำภาพต่าง ๆ กลับอิตาลี

แม้จะเป็นการโจรกรรมที่โด่งดังที่สุดในประวัติศาสตร์ศิลปะ แต่ก็ทำได้ง่ายอย่างน่าทึ่ง

เปรูจา เดินทางมาถึงพิพิธภัณฑ์ลูฟร์ในเช้าวันที่ 21 สิงหาคม 1911 ซึ่งเป็นวันที่พิพิธภัณฑ์ปิดไม่ให้สาธารณชนเข้าชม

เขาไปที่ Salon Carré ซึ่งเก็บภาพ โมนาลิซ่า ไว้ และถอดมันออกจากผนัง

สิ่งที่เกิดขึ้นต่อไปนั้นไม่ชัดเจนนัก แต่ดูเหมือนว่า เปรูจา ได้ซ่อนภาพวาดไว้ในตู้ จนกระทั่งหมดวันทำการ

เขาห่อมันไว้ในเสื้อคลุม (ซึ่งมีลักษณะคล้ายเสื้อคลุมทับ) แล้วนำออกมาจากพิพิธภัณฑ์ลูฟร์ โดยพับมันไว้ใต้แขนของเขา

จนกระทั่งวันรุ่งขึ้น จึงมีคนรู้ว่า โมนาลิซ่า หายไป !!!!!

ทางการจึงได้แจ้งให้ผู้คนทราบ แจ้งให้สื่อมวลชนได้รับรู้ และการโจรกรรมดังกล่าวก็กลายเป็นปรากฏการณ์ระดับนานาชาติ ที่ปรากฏในหนังสือพิมพ์ทั่วโลก

กลายเป็นเรื่องราวที่แปลกใหม่ บนความขัดแย้ง และน่าดึงดูดใจเป็นอย่างยิ่ง

ตำรวจ มืดแปดด้าน ไม่มีความรู้แม้แต่น้อยว่าภาพไปไหน ถึงขั้นต้องซักถาม ปาโบล ปิกัสโซ ด้วยซ้ำ!!!!

นักธุรกิจชาวอเมริกัน เจ พี มอร์แกน ก็ถูกต้องสงสัยว่า เป็นผู้สั่งการให้ก่ออาชญากรรมนี้ด้วย เพราะมีการเกรงว่า งานศิลปะของฝรั่งเศสจะถูกซื้อโดยชาวอเมริกัน และการสูญเสียภาพวาด โมนาลิซ่า ไปนั้น

ถูกมองว่าเป็นความเสื่อมเสียของชาติ!!!!!

นักท่องเที่ยวแห่กันมายังพิพิธภัณฑ์ลูฟร์เพื่อชมสถานที่ว่างเปล่าที่เคยมีภาพโมนาลิซ่า ซึ่งเป็น ‘ภาพเหมือนที่ได้รับการยกย่อง’ แต่ไม่ค่อยมีใครรู้จักนี้ ได้กลายมาเป็นภาพวาดที่เป็นที่กล่าวขวัญถึงมากที่สุดในโลกทันที

ขณะเดียวกัน เปรูจา มีภาพโมนาลิซ่า อยู่ในกระเป๋าเดินทางในอพาร์ตเมนต์ของเขาที่ปารีส

2 ปีต่อมา ในเดือนธันวาคม 1913 เขาได้นำภาพวาดนั้นไปที่ฟลอเรนซ์ และพ่อค้าผลงานศิลปะชื่อ อัลเฟรโด เกอรี ได้รับจดหมายลึกลับที่เสนอขาย ภาพโมนาลิซ่า ให้กับเขา

เกอรี จึงติดต่อกับ จิโอวานนี ป็อกกี ผู้อำนวยการหอศิลป์อุฟฟิซิ และพวกเขาได้พบกับ เปรูจา ยืนยันภาพวาด และจำเป็นต้องแจ้งตำรวจ

เปรูจา ถูกจับกุม หนังสือพิมพ์ทั่วโลกรายงานว่า ภาพโมนาลิซ่า ถูกค้นพบแล้ว และหลังจากถูกจัดแสดงเป็นเวลา 2 สัปดาห์ในอิตาลี ก็ถูกส่งกลับไปยังพิพิธภัณฑ์ลูฟร์ พร้อมกับพิธีอันยิ่งใหญ่

หลังจากนั้นภาพวาดดังกล่าวได้ ’กลายเป็น‘ และ ‘ยังคงเป็น’ ภาพวาดที่มีชื่อเสียงที่สุดในโลกจวบจนปัจจุบัน

มันเป็นผลงานชิ้นเอกอย่างไม่ต้องสงสัย แต่หลายคนเลิกคิ้วสงสัยว่า ทำไมมันถึงโด่งดังมาก

ในขณะที่มีภาพวาดอื่นๆ ที่สำคัญ น่าสนใจ และสวยงามยิ่งกว่าเยอะแยะ

ทั้งหมดนี้ต้องขอบคุณ เปรูจา ที่การโจรกรรมของเขา กลับกลายทำให้ ’โมนาลิซ่า‘ กลายเป็นที่จดจำของสาธารณชน

การพิจารณาคดีของเปรูจาเกิดขึ้นใน 6 เดือนหลังจากถูกจับกุม แต่ในเดือนกรกฎาคม หรือเดือนต่อมา เขาได้รับการปล่อยตัว เพราะเขาได้รับการยกย่องว่าเป็นฮีโร่ในอิตาลี และมีการกดดันจากสาธารณชนให้ลดหย่อนโทษ

ต่อมาเขาเข้าร่วมสงครามโลกครั้งที่ 1 และกลับมายังฝรั่งเศสภายใต้ชื่ออื่น

ถึงตรงนี้ ทำไม ‘เปรูจา’ ถึงขโมยภาพโมนาลิซ่า?

นั่นเพราะเขาเป็นผู้รักชาติชาวอิตาลีผู้ต้องการฟื้นฟูมรดกทางศิลปะของอิตาลี ซึ่งถูก นโปเลียน ปล้นสะดมไป

เรื่องที่น่าประหลาดคือ แม้ว่าฝรั่งเศสจะเต็มไปด้วยงานศิลปะที่ถูกขโมย แต่ โมนาลิซ่า กลับถูกนำไปที่นั่นโดยตัวของ เลโอนาร์โด ดา วินชี่ เอง

ดังนั้น โมนาลิซ่าไม่ได้มีชื่อเสียงเพราะว่ามันเป็นงานศิลปะที่ดีที่สุดที่เคยสร้างมา

แต่เป็นภาพวาดที่มีชื่อเสียงที่สุดในโลก… เพียงเพราะว่ามันมีชื่อเสียงอย่างมาก

วัฏจักรการดำรงอยู่ของตัวเองที่เกิดขึ้น โดยได้รับแรงกระตุ้นจากหนังสือ, ภาพยนตร์ และความสำคัญของการตระหนักรู้ทั่วไป

ให้ได้คลั่งไคล้ไหลหลง

บีแหลมสิงห์

ป.ล.สำหรับชื่อ “โมนาลิซ่า” ถูกตั้งโดย จอร์โจ้ วาซารี่ ศิลปินและนักชีวประวัติชาวอิตาลี เป็นผู้เรียกชื่อนี้ หลังจาก ดา วินชี ได้เสียชีวิตไป 31 ปี

“โมนาลิซา” มาจากการรวมคำ “โมนา” คือ ท่านหญิง(My Lady หรือ Madam) บวกกับชื่อ “ลิซ่า”

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

Exit mobile version