ยูโร 2024 โบกมือลาหลังจากผ่านไป 1 เดือนเต็ม ๆ
เป็นอีกครั้งที่ฟุตบอลครั้งนี้ได้รับการขานรับจากทั่วโลก โดยเฉพาะในเมืองไทยที่คึกคักตลอดทั้งทัวร์นาเมนท์ หลังจากตอนแรกมีคำถามว่า จะถ่ายทอดหรือไม่
สุดท้าย เอกชนเจ้าเดิมอย่าง แอโรซอฟท์ กลายเป็นพระเอกกระโดดเข้ามาซื้อลิขสิทธิ์ในการถ่ายทอดสด เหมือนกับเมื่อ 3 ปีที่แล้ว ถ่ายให้ชมฟรีผ่านทาง พีพีทีวี เอชดี ช่อง 36 รวมถึง ไทยรัฐทีวี และโมเดิร์นไนน์ ทีวี ที่มาร่วมถ่ายในรอบแรก
นี่ก็เป็นหนแรกที่ผมมีโอกาสได้บรรยายต่อเนื่องรายการนี้ทางโทรทัศน์ผ่านทาง PPTV รวมถึง FM99(ที่จะให้พากย์นัดชิงด้วย แต่ผมขอพักเพราะปวดหัวจี๊ดๆมาหลายวัน) และเมื่อสักครู่ก็ได้รับข้อความจาก “พี่เดื่อ” ธีรพัฒน์ ว่า ไม่น่าเชื่อว่าเราได้พากย์ประเดิมทีมแชมป์
นึกขึ้นได้…..นั่นก็คือ สเปน ชนะ โครเอเชีย 3-0
……ในอีกมุมหนึ่ง ผมได้ไปที่ไปรษณีย์หลายแห่งเพื่อสำรวจหาข้อมูล และก็เสี่ยงโชคตามสไตล์(แม้จะไม่เคยถูกรางวัลแม้แต่หนเดียว ฮ่า)
ปรากฎว่า เสียงตอบรับที่ได้จากพนักงานก็คือ “คนซื้อน้อย”
ประเมินได้ก็คือ 1.คนเก็บเงินเอาไว้กินข้าวชัวร์ ๆ กับ 2.นี่ไม่ใช่ฟุตบอลโลก
เกมการจัดผ่านพ้นไป เราได้เห็นอะไรในครั้งนี้ ทั้งในและนอกสนามมีแก้แก้ไขยุทธวิธีและวิธีการทำงานที่มีนัยยะสำคัญอยู่ตลอดเวลา
นอกจากสนามจากที่เคยมีปัญหาเรื่องการสัญจรโดย “รถไฟ” ซึ่งเป็นหัวใจหลักในยุโรป หลังจากปัญหาเกิดขึ้นในวันแรก ๆ มีความล่าช้าหลังจบการแข่งขัน ก็ได้ถูกแก้ไขได้สำเร็จ และรวดเร็ว
อันนี้ถือว่าน่ายกย่องอย่างมาก
ขณะเดียวกัน ปัญหาของแฟนบอลตีกันก็แทบจะหายไป มีแต่ความสำราญมากกว่า แต่นั่นแหล่ะมันก็ต้องมีบ้างที่หลีกเลี่ยงการปะทะไม่ได้
คนส่วนใหญ่เลือกด่ากันในโซเชียล มากกว่ากล้าปะทะ และก็ต้องให้เครดิตกับฝ่ายจัดการแข่งขันที่กระจายกำลังกันไปตามที่ต่าง ๆ เพื่อประคองสถานการณ์ไม่ให้ต้องลงมือลงไม้กัน
ขณะเดียวกัน ในการแข่งขันเราได้เห็นความพิเศษในรอบแรกนั่นก็คือ “วิธีการ” กับ “วิธีทำ” ของฟุตบอลในยุคนี้มากมาย
รอบแรกนั้นแสดงให้เห็นว่า ทีมที่มีคุณภาพในเรื่องของ “แทคติค” จะเหลื่อมกว่า แต่สุดท้าย “เทคนิค” ที่สมบูรณ์กว่าของนักฟุตบอล เป็นผู้ชนะในรอบน็อกเอาท์
ฟุตบอลยุคใหม่พัฒนาการเล่นไปพร้อม ๆ กับ ศักยภาพของมนุษย์
เราได้เห็นนักบอลอายุ 16 ขวบกว่า ๆ ลงสนามในฐานะ “ตัวหลัก” และเราได้เห็นนักบอลอายุ 41 ขวบกว่า ๆ ลงสนามในฐานะ “ตัวหลัก” เช่นกัน
เราได้เห็นพ่อนักบอลอายุน้อยกว่านักบอลบางคนในสนาม ทำให้เราไม่สามารถคะเนได้เลยว่า วิทยาศาสตร์การกีฬา, ชะตา และร่างกาย จะนำพาให้นักบอลจากนี้เป็นต้นไป จะเริ่มอาชีพของตัวเองด้วยอายุเท่าไหร่ รวมถึงยุติอาชีพของตัวเองด้วยอายุเท่าไหร่กันแน่
เป็นไปได้ที่ฟุตบอลโลก ที่จะฉลองครบ 1 ศตวรรษ ในอีก 6 ปีข้างหน้า อาจมีนักบอลอายุ 15 ลงสนามกับคนอายุ 40 ก็ได้ เกิดขึ้นได้ทั้งนั้น
ค่าเฉลี่ยนักบอลอายุมากสามารถเล่นอยู่ในระดับสูงได้ สะท้อนมุมให้เห็นมากมายว่า ที่สุดแล้วพวกเขายังดีอยู่ หรือว่านักบอลรุ่นใหม่ฝีเท้าไม่ถึง
ยิ่งไปกว่านั้นก็คือ นักบอลยุคนี้เริ่มจะค่อย ๆ กลืน “สองตำแหน่ง” ที่เริ่มหาย ๆ ไปจากยูโรครั้งนี้ นั่นก็คือ ตำแหน่งจอมทัพ กับ ตำแหน่งกองหน้าตัวเป้า
ถ้าเทียบเป็นเบอร์ก็คือ นักเตะหมายเลข 10 กับ นักเตะหมายเลข 9 นั่นเอง
จอมทัพในปัจจุบันเริ่มไม่มี เนื่องจากนักบอลกองกลางรุ่นใหม่ นั่นหมายว่า คุณจะต้องสามารถเล่นได้หลากหลายตำแหน่งในแดนกลาง ไม่จำเป็นต้องมีทักษะอันเลิศเลอเพอร์เฟคท์ แต่คุณจะต้องพาบอลได้, ตัดบอลดี และเลี้ยงมันไปได้ด้วยในคนเดียวกัน
ก็เหมือนกับวิชาชีพหลากหลายที่ต้องทำได้แบบ “ทู อิน วัน” หรือ “ทรี อิน วัน” ได้ก็ยิ่งดี
สมัยก่อนเรียกเป็นคำว่า “นักเตะออล-ราวน์ด” สามารถเล่นได้หลายตำแหน่ง แต่นั่นหมายถึงกองหลังมากกว่าตำแหน่งอื่น ๆ ตอนนี้กองกลางหากคุณเล่นได้หมดทั้งรับและรุกอาจจะยังไม่พอ
คุณจะต้องพัฒนาตัวเองให้เป็น เดือยเดี่ยวได้, เดือยคู่ได้, เล่นร่วมอะลองไซด์ได้ ประมาณนี้
หรือกองหน้าหมายเลข 9 ประเภทโป้งปิดบัญชี ก็จะต้องขยับเล่นด้านกว้างได้ดี ฉีกตัวไปรับบอลด้านข้าง รวมถึงโอเวอร์โหลดลงมาช่วยทีม
แถมยังต้อมี “แพคเกจเสริมพิเศษ” ก็คือ ถ้าคุณเล่นเกมรับได้ด้วยยิ่งไปกันใหญ่
นี่คือสิ่งที่แสดงให้เห็นในบอลยุโรปครั้งนี้ ที่ฟุตบอลนั้นอาจจะไม่ได้เปลี่ยนเทรนด์ แต่มันคือการ “เพิ่มศักยภาพ” และ “เพิ่มเทรนด์ใหม่” ให้กับวงการ
ทั้งหมดคือ “กำไร” สำหรับคนชอบฟุตบอลอย่างแท้จริงครับ
