17 กันยายน 2024
hilight-หลัก Sport Story

ปิดตำนาน “คิงริชาร์ดส์”กับสงครามดอกกุหลาบ

การเรียงร้อย, ประดิษฐ์ประดอย และโยงทุกอย่างเข้าด้วยกันอย่างลงตัวกับคำว่า “สงครามดอกกุหลาบ(The War of The Roses)”

จากตำนานของการต่อสู้ชิงบัลลังก์มาจนถึงในโลกของฟุตบอลที่เราเรียกกัน

………..สงครามดอกกุหลาบใช้เวลากว่า 30 ปีในการรบ หลายบันทึกระบุว่า ปฐมบทเกิดขึ้นที่ เซนต์ อัลบันส์ 22 พฤษภาคม 1455 ก่อนจะมีการรบมากถึง 20 ครั้งเกิดขึ้นในระหว่างปี 1455-1485 ของราชวงศ์แลงคาสเตอร์ (House of Lancaster) กับราชวงศ์ยอร์ก (House of York)

กระทั่งครั้งสุดท้ายที่ บอสเวิร์ธ ฟิลด์ 22 สิงหาคม 1485

หรือวันนี้เมื่อ 539 ปีที่แล้ว!!!!!

แต่บางบทระบุเอาไว้ สงครามดอกกุหลาบครั้งปิดตำนานคือที่ “สโต๊ค ฟิลด์” เมื่อวันที่ 16 มิถุนายน 1487 ต่างหาก

แต่การสิ้นพระชนม์ของคิงริชาร์ดส์ ที่ 3 คือวันนี้!!!!!!


…..เมื่อ 2 ปีก่อน การเดินทางท่องอังกฤษ 10 คืน เข้าสู่วันที่ 4 ผมไปที่เลสเตอร์

Day 4 : inside England 2022🇬🇧

ในที่สุดผมก็ถึงที่หมายอีกที่ในชีวิตครับ

เชื่อว่าหลายท่านคงจดจำกันได้กับภาพ ๆ หนึ่ง ระหว่างการฉลองชัยครั้งประวัติศาสตร์ของ “จิ้งจอกมหาภัย” เลสเตอร์ซิตี้ ในการเป็นแชมป์พรีเมียร์ลีก 2016
            
กับภาพที่หลายคนอาจสงสัยกันต่อเนื่องว่า “คนนี้คือใคร”

ผมค้นข้อมูลเขียนไปก่อนหน้านั้น จึงไปหาคำตอบเพิ่มเติม ด้วยการนั่งรถไฟจาก ลิเวอร์พูล (ไลม์ สตรีท) เปลี่ยนขบวน 3 รอบที่ ครูว์ และนูเนียตัน เพื่อมายัง เลสเตอร์

พาท่านไปย้อนประวัติศาสตร์กันนะครับ ไม่ต้องเรียนเขียนให้เสียเวลา อ่านอย่างเดียวพอนะที่รัก

ภาพคือ กษัตริย์ริชาร์ด ที่ 3 

เรื่องราวแห่งปริศนาเรื่องนี้เกิดขึ้น เราย้อนไปเมื่อ ปี ค.ศ.2012 

มีการค้นพบกระดูกบริเวณ “กะโหลก” หรือ “พระเศียร” ของ กษัตริย์ริชาร์ดที่ 3 หรือ คิง ริชาร์ด ที่3(Richard III of England)

ทีมสำรวจโครงกระดูกโบราณ ได้มีการขุดพบในลานจอดรถแห่งหนึ่งของเมืองเลสเตอร์ ซึ่งเป็นที่ที่พระองค์สิ้นพระชมน์ เมื่อ 22 สิงหาคม ค.ศ.1485 นับเวลาตอนนั้นคือ 539 ปีเลยทีเดียว
            
พระองค์เป็นกษัตริย์ที่มีชื่อเสียงโด่งดังที่สุดพระองค์หนึ่งในประวัติศาสตร์ของอังกฤษ ถึงแม้ว่าจะเป็นชื่อเสียงในด้านร้าย 

อาทิ ความเหี้ยมโหด, การปกครองอันกดขี่ และพิศมัยการนองเลือดก็ตาม

อีกทั้งการขึ้นครองราชย์ของ คิง ริชาร์ด ที่ 3 อาจจะไม่สวยสง่านักตามประวัติที่ว่า พระองค์ได้เข่นฆ่าหลานแท้ๆของตัวเองเพื่อขึ้นครองบัลลังก์

สาเหตุจาก พระเจ้าเอ็ดเวิร์ดที่ 4 สวรรคต แน่นอนว่าโดยปกติ เจ้าชายเอ๊ดเวิร์ด ที่ 5 ในวัย 13 พรรษา กำลังจะเข้าพิธีราชาภิเษก แต่ตอนนั้น “ริชาร์ด ดยุคแห่งกลอสเตอร์” ที่เป็นพระปิตุลา(อา) ทำหน้าที่ผู้สำเร็จราชการแผ่นดิน

แต่ อาริชาร์ดส์ อ้างสิทธิ์ว่า การเสกสมรสของ พระเจ้าเอ็ดเวิร์ดที่ 4 กับ พระราชินีเอลิซาเบธ

ไม่ถูกต้องตามกฎหมาย!!!!!!

เมื่อเป็นแบบนั้นแล้ว โอรสที่มีอยู่ 2 พระองค์ จึงเป็น”ลูกนอกสมรส” และสำคัญที่สุดก็คือ “ไม่มีสิทธิในราชบัลลังก์”

ริชาร์ดจากแดนเหนือ ได้พาเจ้าชายเอ๊ดเวิร์ดที่ 5 พร้อมกับเจ้าชายอีกพระองค์ วัย 11 ปี มาที่ “หอคอยลอนดอน” หรือ “ทาวเวอร์ออฟ ลอนดอน” อันลือเลื่อง

ปรากฏว่า ท้ายที่สุด คนที่ได้นั่งบัลลังก์กลับเป็น ริชาร์ด ดยุคแห่งกลอสเตอร์  ขึ้นครองราชย์เป็น “คิง ริชาร์ดที่ 3” 

ที่สำคัญเจ้าชายทั้งสองตอนนั้น ยังทรงมีพระชนม์ชีพอยู่ ก่อนจะหายไปอย่างเป็นปริศนา จนกระทั่งมาพบกะโหลกของเด็กสองหัว คาดว่าจะเป็นเจ้าชายน้อยทั้งสอง ในอีก 100 ปีต่อมา

ณ ที่แห่งนั้น Tower of London 
          
สถานที่เดียวกับเรื่องที่เกี่ยวดองกับ “แอนน์ โบลีน” ราชินีที่ 2 แห่งพระเจ้าเฮนรี่ ที่8 ซึ่งเกี่ยวข้องกับ “โบลีน กราวน์ด” ของ “ขุนค้อน” เวสต์แฮม ยูไนเต็ด 


คิง ริชาร์ดส์ ที่ 3 พระองค์อยู่บนบัลลังก์สั้นมาก เป็นกษัตริย์ในช่วง ค.ศ. 1483-1485 ก่อนจะสิ้นพระชมน์ในสนามรบ ในยุทธการสงครามกับราชวงศ์แลงคาสเตอร์ ที่บอสเวิร์ธฟิลด์(Battle of Bosworth Field)  

ครั้งนั้นเป็น”สงครามดอกกุหลาบ” หรือสงครามชิงบัลลังก์ครั้งสุดท้ายของอังกฤษ และสิ้นสุดยุคกลางบัดเดี๋ยวนั้น

พระองค์ทรงเป็นกษัตริย์พระองค์สุดท้ายแห่งราชวงศ์ยอร์กและราชวงศ์แพลนทาเจเนต 

อีกทั้งยังเป็นกษัตริย์อังกฤษองค์สุดท้าย ที่สวรรคตในสมรภูมิการรบในประเทศตัวเอง


ตำนานมีอยู่ว่า เฮนรีแห่งทิวดอร์ (Henry Tudor Earl of Richmond) ได้อ้างสิทธิ์ในฐานะผู้สืบสิทธิ์การครองราชย์ จากสายเลือดราชวงศ์แลงคาสเตอร์

ยังผลให้ศึกสายเลือดที่บอสเวิร์ธ จึงอุบัติขึ้นเป็นหนแรกในรอบ 14 ปี นับจากจบศึกที่เทวเคสบิวรี่(The Battle of Tewkesbury)

…..ท่ามกลางแดดที่แผดจ้ากลางทุ่งหญ้ากว้างใหญ่ ตำนานเล่าขานว่า “คิง ริชาร์ดที่ 3” กำลังพุ่งเข้าประชิดหมายที่จะแทงปลิดชีพ “เฮนรี่ ทิวดอร์”

ทันใดนั้น!!!! พระองค์ก็ถูกทหารชาวเวลส์นายหนึ่ง ใช้ง้าวฟันเข้าที่พระเศียร อย่างเต็มแรง สิ้นพระชมน์ทันที!!!!!

จากนั้นพระศพที่เปลือยเปล่าถูกบรรทุกบนหลังม้ากลับมาที่เมืองเลสเตอร์

ที่ทำแบบนั้นก็เพราะต้องการให้สาธารณชนได้เป็นประจักษ์พยานการสิ้นพระชนม์ ก่อนที่จะนำไปฝังที่โบสถ์นักบวชที่เรียกว่า เกรย์ไฟร์อาร์ส (Greyfriars) 

โดยไม่ปรากฏว่ามีพระราชพิธีศพอย่างเป็นทางการแต่อย่างใด!!!!

……เมื่อพระศพไม่ได้ถูกทำพิธีเหมือนบรรพกษัตริย์ แถมยังถูกฝังเอาไว้รวมกับนักรบ และทหาร พร้อมกับมีความเชื่อว่า หลุมฝังศพได้ถูกทำลายในช่วงสงครามปฏิรูปทางศาสนาอีกด้วย

 จากวันนั้นเป็นต้นมากว่า 500 ปี ไม่มีใครค้นหาท่านเจออีกเลย กระทั่ง…………

………หลังการตรวจพบกะโหลกของพระองค์ ได้มีการนำไปทดสอบทางเคมีหลายขั้นตอน เพื่อตรวจDNA 

ผลตรวจออกมาพบว่า ไปสอดคล้องกับ DNA ของราชวงค์อังกฤษ 

เมื่อนำมาตรวจกับบุคคลที่สืบเชื้อสายคือ “มิเชลล์ อิบเซน” ชาวแคนาดาผู้สืบเชื้อสายมาจากเจ้าหญิงแอนแห่งยอร์ค ซึ่งเป็นพระขนิษฐาแท้ๆของคิง ริชาร์ดที่ 3 นั่นเอง 

มีการนำกระดูกพระองค์ท่านมาทำพิธีตามศาสนา และตั้งอนุสาวรีย์ที่เมืองเมื่อต้นปี 2016

 คนที่นั่นเชื่อว่า การกลับมาของท่านทำให้เกิดปรากฏการณ์ของทีมเลสเตอร์ ทั้งการรอดตกชั้นแบบปาฏิหาริย์เมื่อปี 2015 และเป็นแชมป์พรีเมียร์ลีก สมัยแรก นับตั้งแต่ก่อตั้งสโมสร

 คือปาฏิหาริย์ซ้อนปาฏิหาริย์ และยิ่งกว่าคำว่า “ปาฏิหาริย์”!!!!

++++++++++++++++++++

ในตอนนั้นชัยชนะจะเกิดขึ้น จะด้วยอะไรก็แล้วแต่ 

เลสเตอร์ 2016 ก็ประกอบไปด้วย 3 คิง

1.คิง พาวเวอร์
2.แอนดี้ คิง
3.คิง ริชาร์ด ที่ 3

และไม่ว่าจะเป็นนักฟุตบอล, ผู้จัดการทีม, เจ้าของทีม, การบริหารทีม, คู่แข่ง, แฟนบอล, ผ้ายันต์ หรือการกลับมาอีกครั้งของกษัตริย์ของพวกเขา

ทุกอย่างคือส่วนประกอบให้ เลสเตอร์ ซิตี้ เป็นแชมป์พรีเมียร์ลีก

……….เมื่อกล่าวถึงสงครามครั้งนั้นสงบลง และทุกอย่างยุติเมื่อ เฮนรีแห่งทิวเดอร์ ขึ้นครองราชย์เป็น “พระเจ้าเฮนรี่ที่ 7” พร้อมกับการเสกสมรสระหว่างราชวงศ์ กับ เอลิซาเบธแห่งยอร์ก และรวม”กุหลาบทั้งสองสี”เข้าด้วยกัน

กลายเป็น “กุหลาบแห่งทิวดอร์”

ว่ากันว่า “ภาพจำ”เกิดขึ้นจากการเขียนบทละครเรื่อง “เฮนรี่ที่ 6” ของ วิลเลี่ยม เช็คสเปียร์ ที่เขียนขึ้นในปี 1591 หรือกว่าร้อยปีจากเหตุการณ์ครั้งนั้น โลกได้จำภาพที่ เช็คสเปียร์ ได้ร่ายบรรยายเหตุที่ว่า ทั้งสมาชิกจากสองตระกูลได้ไปที่สวนดอกไม้ แล้วเลือกกุหลาบแดงและขาว มาเป็นสัญลักษณ์

แม้จะขึ้นครองราชย์แล้ว แต่ คิง เฮนรี่ ที่ 7 ก็ต้องปราบกฎบทผู้อ้างสิทธิ์ในราชบัลลังก์ต่อไป ก่อนจะสามารถควบคุมอำนาจเอาไว้ได้ทั้งหมด และผู้ที่พยายามสมอ้างทั้งหลาย ก็หมดอำนาจต่อกรกับราชวงศ์ใหม่

น่าสนใจก็คือ สงครามดอกกุหลาบที่กล่าวขวัญถึงนี้ “ราชวงศ์ยอร์ก” ได้ใช้สัญลักษณ์ของ”กุหลาบขาว” มาก่อนที่สงครามจะเริ่มต้นขึ้น แต่ “ราชวงศ์แลงคาสเตอร์” เพิ่งจะนำ”กุหลาบแดง”มาใช้ ภายหลังจากการคว้าชัยที่สมรภูมิบอสเวิร์ธ

ทุกอย่างจบและเริ่มต้นในวันนี้ 22 สิงหาคม 539 ปีที่แล้ว!

บีแหลมสิงห์

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

hilight-หลัก, Sport, Story

’115กระทง

hilight-หลัก, Sport, Story

‘สถ

hilight-หลัก, Sport

ชอบเบิ้ล!