สาวก มะกะโรนี อิตาลี เกือบวางวาย เพราะการเข้ารอบแบบ “อิตาเลี่ยนสไตล์” อีกครั้ง
ชนะ แอลเบเนีย 2-1 เสียประตูนาทีแรก
แพ้ สเปน 0-1 ยิงประตูตัวเอง
เสมอ โครเอเชีย 1-1 ยิงประตูนาทีสุดท้าย เข้ารอบด้วยการเป็นอันดับ 2 ของกลุ่ม 4 คะแนนแบบใจหายใจคว่ำ
การวางระบบและสไตล์การเล่นคืออิตาเลี่ยนจ๋า ๆ ของ ลูชาโน่ สปัลเล็ตติ จึงไม่แปลกใจว่า ทำไมบางที เราสามารถอ่านใจเขาได้ทันที โดยเฉพาะก่อนเกมนัดสุดท้ายมาแบบหลัง 3 แน่นอน ยกเว้นกราฟฟิคทั่วไปที่โดนหลอกตั้งแต่เริ่มเกม แต่สายบอลอย่างเราท่านทราบกันดีว่า นี่แหล่ะมาแบบนี้แน่นอน เมื่อเห็นชื่อของ ดาร์เมี่ยน โผล่เข้ามา ก่อนจะสลับสับเปลี่ยนแบบค่อย ๆ ปล่อย พร้อมกับตีเสมอได้
ก็แน่นอนว่า หลายคนถามว่า 8 นาทีเอามาจากไหน แต่นั่นมันเกิดขึ้นแล้วอย่างที่ ลูก้า โมดริช บอกไปว่า ฟุตบอลมันโหดร้าย และสำคัญก็คือ มันมีความสวยงามด้วย อยู่ที่ว่า วันนั้นมันจะอยู่ที่ฝั่งไหน
ทีนี้มาว่ากันถึง นักบอลคนหนึ่งที่อยู่ในมอนิเตอร์ตั้งแต่ยังไม่ทันลงสนาม
ริคาร์โด้ คาลาฟิออรี่ ปราการหลังดาวรุ่งทีมชาติอิตาลี กลายเป็นนักเตะที่โด่งดังขึ้นมาชั่วข้ามคืนในโลกออนไลน์ หลังจากมัดผมลงสนามในเกมแรกของศึกฟุตบอลชิงแชมป์แห่งชาติยุโรป ครั้งที่ 17 หรือ ยูโร2024
มีการจุดพลุให้เขาเป็นนักเตะที่ละม้ายคล้ายกับ เปาโล มัลดินี่, อเลสซานโดร เนสต้า และฟาบิโอ คันนาวาโร่ ที่มัดผมลงสนาม
มีภาพหนึ่งลอยออกมาไปทั่วที่ว่า ท่วงท่าเหมือนกับ เปาโล มัลดินี่ ยิ่งทำให้ไปกันใหญ่
บวกกับประเด็น “เซ็นเตอร์ฮาล์ฟเท้าซ้าย” ลงสนามพร้อมกันสองคนกับจอมแกร่ง นั่นคือ อเลสซานโดร บาสโตนี่ ซึ่งตัวเขาต้องขยับมายืนด้านขวา เพื่อให้น้องอย่าง คาลาฟิออรี่ ปักซ้าย
ผลงานเกมแรก อิตาลี ชนะ แอลเบเนีย 2-1 จังหวะสุดท้ายของเกม คาลาฟิออรี่ ทำผลงานปล่อยบอลข้ามหัวจนเกือบเสียประตูตีเสมอ ถ้าหาก จานลุยจิ ดอนนารุมมา ออกมาไม่ทัน
รอดไปอย่างหวุดหวิด
ทีนี้ประเด็นคือ เริ่มมีคนจุดว่า จะต้องซื้อตัวมาเสริมทีมในยุค “อ่านข่าวจากกราฟฟิค” ซึ่งก็ไม่รู้เหมือนกันว่า จะรีบไถไปไหนนักหนากับหน้าจอฮัลโหลโทรศัพท์ พอมันมีภาพว่า ลิเวอร์พูล ที่ถูกโยงไปซะแทบทุกเรื่อง ก็ยิ่งไปกันใหญ่
จากนั้นในนัดที่ 2 ปรากฎว่า อิตาลี แพ้ให้กับ สเปน 0-1 ลูกที่เสียประตูมาจากจังหวะดวงแตกของ คาลาฟิออรี่ ที่บอลมากระแทกเขาเข้าไปเสียบตาข่ายตัวเอง
ทำให้เทียนดับไปหลายแห่ง
สองเกมที่ผ่านไป คาลาฟิออรี่ ยืนเป็นเซ็นเตอร์ฮาล์ฟคู่ โดยปกติจ็อบหลักของเขากับ โบโลญญ่า ก็คือตำแหน่งนี้ หรือว่า แบ๊กซ้าย เล่นได้ตามธรรมชาติ
ทีนี้มาถึงนัดตัดสินชะตาเข้ารอบกับ โครเอเชีย ต้องมายืนในตำแหน่ง “3เซ็นเตอร์แบ๊ก” โดยยืนเป็นตัวสต๊อปเปอร์ด้านซ้าย โดยมี มัตเตโอ ดาร์เมี่ยน ลงมายืนเป็นสต๊อปขวา และ บาสโตนี่ ปักตรงกลาง
เมื่อทีมต้องการประตู กลับมาเล่นในระบบเดิม แต่ไม่ได้ยืนชิดติดกัน ตัวของ คาลาฟิออรี่ ยืนเซ็นเตอร์ซ้ายเหมือนเดิม แต่กว้างขึ้น เพื่อครอบคลุมไปจนถึงการเล่นทางด้านซ้ายทั้งหมด เนื่องจากทีมนั้นเกหมดหน้าตักแล้ว
ในช่วงทดเจ็บ 3 นาที เขาโดนใบเหลือง ทำให้พลาดการเล่นในรอบ 16 ทีมสุดท้ายทันที เพราะติดแบนในรอบน็อคเอาท์ทันที
สุดท้ายเขาลากตัดเข้าในแล้วแทงออกทางซ้ายให้กับ มัตเตีย ซัคคานญี่ ตัวสำรองได้ปั่นโค้งด้วยขวาย้อนศรเข้าไปเสียบเสาไกล ในนาทีสุดท้ายของการทดเวลา นั่นคือ 90+8
“ผมอยากจะแก้ตัวจากความผิดพลาดในเกมกับสเปน” คาลาฟิออรี่ กล่าว “ผมไม่รู้ว่า ผมพบพลังสำหรับการเล่นครั้งสุดท้ายได้จากที่ไหน แต่ผมจำเป็นต้องมอบบางสิ่งให้กับทีมชาติของเรา และผมก็ไม่อยากจบการเส้นทางของเราที่นี่เพียงแค่รอบแรก”
“ผมอยากจะให้บางอย่างกลับคืนมา หลังจากผมทำเข้าประตูตัวเอง และผมก็คิดว่าผมทำได้แล้ว”
ปัจจุบัน คาลาฟิออรี่ อายุครบ 22 ปีไปเมื่อวันที่ 19 พฤษภาคมที่ผานมา เป็นนักบอลจากกรุงโรม อยู่กับโรม่า นานถึง 10 ปี แต่แจ้งเกิดไม่สำเร็จ ย้ายไปอยู่กับ เอฟซี บาเซิ่ล ในสวิตเซอร์แลนด์ 1 ซีซั่น และย้ายกลับอิตาลี มาอยู่ โบโลญญ่า เมื่อซีซั่นที่แล้ว ลงเล่นในลีก 30 นัด ทำได้ 2 ประตู
เขาติดทีมชาติอิตาลี มาแล้วถึง 6 รุ่น ตั้งแต่ยู15, 16, 17, 19 และ 21 ปี ก่อนจะขึ้นชุดใหญ่แค่ 2 นัดก่อนมาเตะยูโร
เจอ สวิต ไม่ได้เล่นแน่นอน แต่รับรองว่ากล้องจับแน่!!!!!
